เทคนิคจิตวิทยาแบบไหนที่ช่วยให้จัดการความขัดแย้งในที่ทำงานง่ายขึ้น

ในชีวิตการทำงาน หลายคนอาจพบว่าการรับมือกับเนื้องานไม่ใช่เรื่องยากที่สุด แต่สิ่งที่ท้าทายยิ่งกว่าคือการทำงานร่วมกับ “เพื่อนร่วมงานที่ไม่น่ารัก” ไม่ว่าจะเป็นคนที่ชอบพูดจาเหน็บแนม ชอบโยนงาน หรือคอยสร้างบรรยากาศที่ไม่ดีในทีม การเผชิญหน้ากับบุคคลเหล่านี้อาจส่งผลต่ออารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และประสิทธิภาพการทำงานโดยตรง

วิธีรับมือกับเพื่อนร่วมงานที่ไม่น่ารัก
วิธีรับมือกับเพื่อนร่วมงานที่ไม่น่ารัก

อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ไม่ได้ไร้ทางออก เพราะการทำงานในองค์กรย่อมหลีกเลี่ยงการปะทะกับคนหลายรูปแบบไม่ได้ สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้วิธีจัดการและปรับตัวอย่างชาญฉลาด การรับมืออย่างมีระบบ ไม่เพียงช่วยปกป้องสุขภาพจิตของเราเอง แต่ยังทำให้สภาพแวดล้อมในที่ทำงานน่าอยู่มากขึ้นด้วย

ทำความเข้าใจก่อนว่าเพื่อนร่วมงานไม่น่ารักเกิดจากอะไร

ก่อนจะมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหา การหยุดสักนิดเพื่อสำรวจ “ต้นตอ” ของพฤติกรรมที่ไม่น่ารักถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี หลายครั้งคนเหล่านี้ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับเราโดยตรง แต่เกิดจากแรงกดดันส่วนตัว ความเครียด หรือแม้แต่ความไม่มั่นใจในบทบาทของตนเอง การเข้าใจสาเหตุจึงช่วยให้เราเลือกวิธีรับมือได้ตรงจุดและใจเย็นขึ้น

ประเด็นที่มักเป็นต้นเหตุ เช่น

  • ความกดดันจากเจ้านายหรือเป้าหมายงานที่สูงเกินไป
  • การขาดทักษะการสื่อสาร ทำให้เข้าใจผิดหรือสื่อสารเชิงลบ
  • ความไม่มั่นคงในตำแหน่งงาน จนเกิดการแสดงออกแบบป้องกันตัวเอง
  • ปัญหาส่วนตัวที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ในที่ทำงาน

รักษาความเป็นมืออาชีพเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียด

สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการแยกแยะ “เรื่องงาน” ออกจาก “เรื่องอารมณ์” การตอบโต้ด้วยอารมณ์เพียงเพราะรู้สึกไม่ชอบพฤติกรรมของเพื่อนร่วมงาน อาจทำให้บรรยากาศเลวร้ายลงและส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของเราในสายตาเจ้านายหรือทีม การวางตัวอย่างมืออาชีพจึงเป็นเกราะป้องกันที่สำคัญ

แนวทางที่ช่วยให้ยังคงความเป็นมืออาชีพได้ดี เช่น

  • เลือกใช้คำพูดเชิงสร้างสรรค์ หลีกเลี่ยงคำเสียดสี
  • จัดการอารมณ์ด้วยการหายใจลึกๆ หรือพักสั้นๆ ก่อนตอบสนอง
  • ใช้ข้อมูลและข้อเท็จจริงแทนการโต้เถียงด้วยความรู้สึก
  • มองเป้าหมายงานเป็นหลัก ไม่ใช่ความขัดแย้งส่วนบุคคล

ใช้เทคนิคการสื่อสารเชิงบวกเพื่อป้องกันความขัดแย้งบานปลาย

การสื่อสารที่ดีเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับคนที่ไม่น่ารัก การเลือกคำพูด โทนเสียง และภาษากายล้วนมีผลต่อการตีความของอีกฝ่าย หากเราสื่อสารอย่างเปิดใจและตรงไปตรงมา ความเข้าใจผิดจะลดลง และความสัมพันธ์ในที่ทำงานอาจดีขึ้นอย่างคาดไม่ถึง

เทคนิคการสื่อสารที่ควรลองใช้ ได้แก่

  • ใช้คำว่า “เรา” แทนคำว่า “คุณ” เพื่อให้รู้สึกถึงการทำงานเป็นทีม
  • ตั้งคำถามปลายเปิด เพื่อกระตุ้นการพูดคุยเชิงบวก
  • รับฟังอย่างตั้งใจ ไม่ขัดจังหวะจนอีกฝ่ายรู้สึกถูกปิดกั้น
  • สรุปความเข้าใจซ้ำ เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งสองฝ่ายมองตรงกัน

สร้างพลังใจและพื้นที่ปลอดภัยให้กับตัวเอง

แม้เราจะพยายามรับมืออย่างดีแค่ไหน แต่ก็ใช่ว่าทุกครั้งจะได้ผลทันที การดูแลสุขภาพจิตของตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะการทำงานกับคนไม่น่ารักต่อเนื่องอาจสร้างความเครียดสะสมได้ง่าย หากเรามีพื้นที่ปลอดภัยและวิธีผ่อนคลายที่เหมาะสม จะช่วยให้ใจแข็งแรงพอที่จะกลับมารับมือในวันถัดไป

วิธีสร้างพลังใจให้ตัวเอง เช่น

  • หาเวลาออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ชอบหลังเลิกงาน
  • แชร์ความรู้สึกกับเพื่อนสนิทหรือครอบครัว
  • จดบันทึกอารมณ์เพื่อระบายความเครียดออกจากใจ
  • ใช้เทคนิคการทำสมาธิหรือการหายใจเพื่อคืนสมดุลให้จิตใจ

เมื่อต้องการความช่วยเหลือจากฝ่ายบุคคลหรือผู้บังคับบัญชา

บางครั้งแม้เราจะใช้วิธีทั้งหมดแล้วแต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น การขอความช่วยเหลือจากฝ่ายบุคคล (HR) หรือผู้บังคับบัญชาก็เป็นอีกทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม การพูดคุยกับบุคคลที่สามที่มีอำนาจดูแล สามารถช่วยหาทางออกที่ยุติธรรมและรักษาสมดุลในทีมได้

ตัวอย่างการขอความช่วยเหลืออย่างสร้างสรรค์

  • เตรียมข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด
  • สื่อสารอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ใช้คำกล่าวหา
  • เสนอแนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้ เช่น การปรับวิธีการทำงานร่วมกัน
  • เปิดใจรับฟังคำแนะนำจากผู้บังคับบัญชา

สรุป วิธีรับมือกับเพื่อนร่วมงานที่ไม่น่ารัก

การทำงานกับเพื่อนร่วมงานที่ไม่น่ารักอาจเป็นความท้าทายที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่หากเรามีทักษะการจัดการอารมณ์ ใช้เทคนิคการสื่อสารเชิงบวก และรู้จักสร้างพลังใจให้ตัวเอง จะสามารถทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดกลายเป็นโอกาสในการพัฒนาตัวเองและเสริมสร้างความเป็นมืออาชีพในสายตาคนรอบข้างได้