เช็กอาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ต่างจาก COVID-19 อย่างไร

เมื่อพูดถึงโรคทางเดินหายใจที่แพร่ระบาดในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว หลายคนมักสับสนระหว่างอาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B กับโรค COVID-19 เพราะทั้งสองโรคมีอาการใกล้เคียงกัน ทั้งไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อย และอ่อนเพลีย แต่ในความจริงแล้วโรคทั้งสองมีความแตกต่างที่สามารถสังเกตได้หากรู้เท่าทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เราต้องเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพของตัวเองและคนรอบข้างอย่างใกล้ชิด

อาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B

ทำความรู้จักไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B เป็นหนึ่งในไวรัสตระกูลอินฟลูเอนซา (Influenza virus) ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 สายพันธุ์หลัก คือ A, B และ C โดยสายพันธุ์ B มักระบาดในเด็กและวัยรุ่น และมีแนวโน้มระบาดในชุมชนหรือโรงเรียนมากกว่าผู้ใหญ่ อาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B มักเกิดขึ้นฉับพลัน และแสดงอาการเด่นชัด ดังนี้

  • ไข้สูงเฉียบพลัน (มากกว่า 38 องศาเซลเซียส)
  • ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกายและข้อ
  • ไอแห้ง เจ็บคอ
  • คัดจมูก น้ำมูกไหล
  • หนาวสั่น เหงื่อออกมาก
  • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง

อาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B มักรุนแรงในช่วง 2-3 วันแรก และอาจใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 5-7 วัน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน

อาการสำคัญของการติดเชื้อ COVID-19

COVID-19 เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ซึ่งมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่เช่นกัน แต่มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่าง เช่น

  • ไข้ (อาจไม่สูงมากเท่าไข้หวัดใหญ่)
  • ไอแห้ง เจ็บคอ
  • เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก
  • สูญเสียการรับรสหรือกลิ่น (อาการเฉพาะที่พบได้บ่อยในผู้ติดเชื้อ COVID-19)
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ
  • บางรายอาจมีอาการท้องเสีย

COVID-19 มักมีอาการที่เกิดขึ้นช้ากว่าไข้หวัดใหญ่ โดยเริ่มแสดงอาการภายใน 2-14 วันหลังรับเชื้อ ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันและปัจจัยอื่น ๆ

สรุปความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B กับ COVID-19

ระยะฟักตัว

  • ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ระยะฟักตัว 1-4 วัน ส่วน COVID-19 ฟักตัว 2-14 วัน

การแสดงอาการ

  • อาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B มักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ในขณะที่ COVID-19 มักเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไป

อาการต่าง ๆ

  • ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B มักมีไข้สูง ส่วน COVID-19 อาจมีหรือไม่มีไข้ก็ได้ แต่มักพบว่าผู้ป่วยมีการสูญเสียการรับกลิ่นและรส และในผู้ป่วยรุนแรงอาจมีอาการหายใจลำบากร่วมด้วย 

แม้ว่าอาการบางอย่างจะซ้อนทับกัน แต่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ช่วยให้เราพอแยกแยะได้เบื้องต้น หากมีอาการผิดปกติควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดและหลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้อื่นโดยเร็ว

แม้อาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B และ COVID-19 จะมีความคล้ายกันในหลายด้าน แต่ก็มีจุดต่างที่สามารถสังเกตได้จากลักษณะการเริ่มต้นของอาการ ระยะเวลาฟักตัว และอาการเฉพาะอย่างเช่น การสูญเสียการรับรสหรือกลิ่นใน COVID-19 ซึ่งไม่พบในไข้หวัดใหญ่ หากไม่แน่ใจว่าอาการที่เป็นอยู่มาจากโรคใด การเข้ารับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องจะช่วยให้รักษาได้อย่างรวดเร็วและป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้น

การรู้เท่าทันโรค ไม่ตื่นตระหนก แต่ระมัดระวัง คือแนวทางที่ดีที่สุดในการรับมือกับโรคทางเดินหายใจในยุคที่ไวรัสแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว