ผลไม้เป็นของคู่กันสำหรับคนไทย เรามักจะรับประทานผลไม้ในระหว่างมื้อข้าว หรือทานหลังทาน แต่คุณทราบไหมว่าการทานผลไม้ในเวลาที่ไม่เหมาะสมจะส่งผลเสียต่อร่างกายและทำให้ได้รับวิตามิน แร่ธาตุได้ไม่เต็มที่
ทานผลไม้ช่วงไหนดี?
เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทานผลไม้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ร่วมถึงสุขภาพของแต่ละบุคคลด้วย
1.ก่อนมื้ออาหาร
ผลไม้ประกอบด้วยไฟเบอร์ หรือเส้นใยอาหาร และวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ ซึ่งวิตามินบางชนิดละลายได้ดีในน้ำ บางชนิดละลายได้ดีในน้ำมัน การทานผลไม้ก่อนมื้ออาหารจะช่วยร่างกายดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุได้ดีที่สุด เป็นการกระตุ้นน้ำย่อยก่อนมื้ออาหาร แต่ก็ควรระวังสำหรับผลไม้บางชนิดที่มีความเป็นกรดสูงมากก็ไม่ควรทานก่อนมื้ออาหาร
2.หลังมื้ออาหาร
การทานผลไม้หลังมื้ออาหารยังคงได้ประโยชน์สูง โดยเฉพาะผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอและวิตามินอี ที่ละลายได้ดีในไขมัน หากทานหลังมื้ออาหารจะสามารถดูดซึมไปพร้อมกับสารอาหารอื่นๆ แต่ถ้าทานผลไม้กลุ่มที่มีวิตามินซี วิตามินบี หลังมื้ออาหารอาจจะไม่ได้ผลดีเท่าไหร่นัก แป้ง โปรตีน ไขมันที่ทานในมื้อนั้นๆจะต้องใช้เวลาในการย่อยนาน เมื่อทานผลไม้ตามเข้าไป ก็จะถูกกักไว้ ยังไม่ได้รับการย่อยทันที ทำให้ผลไม้ผ่านการหมักจนกลายสภาพเป็นกรด วิตามินต่างๆที่อยู่ในผลไม้ก็จะเสื่อมสภาพไป
เกิดอะไรขึ้นหากทานผลไม้หลังทานอาหาร?
1.อาหารไม่ย่อยและท้องอืด ผลไม้ถูกย่อยได้เร็วกว่าอาหารส่วนใหญ่อื่นๆ เนื่องจากมีปริมาณไฟเบอร์และน้ำสูง เมื่อกินผลไม้ทันทีหลังมื้ออาหาร ผลไม้อาจค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเป็นเวลานาน สิ่งนี้สามารถนำไปสู่อาหารไม่ย่อยหรือท้องอืด
2.ลดการดูดซึมของสารอาหาร เมื่อกินผลไม้หลังอาหารทันที ประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหารจะต่ำลง เพราะร่างกายกำลังยุ่งอยู่กับการย่อยและดูดซึมสารอาหารจากมื้ออาหารนั่นเอง
การทานผลไม้ให้ได้ประโยชน์สูงสุดคือ?
การกินในขณะท้องว่างและเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงเช้าถึงเที่ยงของทุกวันเพราะร่างกายได้สะสมพลังงานไว้ตลอดคืน การกินผลไม้ใช้พลังงานในการย่อยน้อยทำให้ร่างกายมีพลังงานเหลือเพื่อใช้ในกิกรรมประจำวันเพราะนอกจากร่างกายจะดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุต่างๆจากผลไม้ไปใช้ได้อย่างเต็มที่แล้วยังช่วยล้างสารพิษที่ตกค้างอยู่ภายในระบบทางเดินอาหารได้เป็นอย่างดี ส่วนกากผลไม้ที่หลงเหลือก็เป็นกากที่ช่วยให้ขับถ่ายง่ายอีกด้วย
การทานผลไม้อย่างถูกวิธีและในปริมาณที่เหมาะสมจะส่งผลให้มีสุขภาพที่ดี ยิ่งไปกว่านั้นควรทานเป็นผลไม้สด หรือน้ำผลไม้สด 100% จึงจะได้รับประโยชน์สูงสุด