การ เติมลมยางรถยนต์ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนมักมองข้ามหรือยังเติมแบบผิด ๆ ซึ่งอาจส่งผลเสียหายได้ไม่ว่าจะเป็นการเกิดอุบัติเหตุ รวมไปถึงทำให้ยางรถยนต์เสื่อมสภาพได้เร็ว ดังนั้นเราจึงนำรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการเติมลมยางมาแนะนำ
รถแต่ละประเภทควร เติมลมยางรถยนต์ เท่าไหร่
- รถยนต์ขนาดเล็ก การเติมลมยางควรอยู่ที่ประมาณ 25-30 PSI
- รถยนต์ขนาดกลาง การเติมลมยางควรอยู่ที่ประมาณ 30-32 PSI
- รถกระบะแบบปกติไม่บรรทุกสิ่ง การเติมลมยางควรอยู่ที่ประมาณ 35-40 PSI
- รถตู้สำหรับบรรทุก 7-10 คน การเติมลมยางควรอยู่ที่ประมาณ 43-55 PSI
อย่างไรก็ตามการเติมลมยางสำหรับรถเก๋งทั้งล้อหน้า และล้อหลังจะอยู่ที่ประมาณ 30-32 PSI แต่ในกรณีผู้โดยสารเต็มทั้ง 5 ที่นั่ง หรือบรรทุกของมาก ๆ อาจจ้องเติมถึง 33-35 PSI เพื่อรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น
สำหรับรถกระบะที่ไม่บรรทุกสิ่งของล้อหน้าจะเติมลมประมาณ36-38 PSI ส่วนล้อหลัง 40-42 PSI แต่ในกรณีที่บรรทุกเต็มกระบะอาจต้องเพิ่มการเติมลมไปถึง 47-51 PSI
เติมลมยางรถยนต์ ไม่ถูกต้องส่งผลเสียอย่างไรบ้าง
เติมลมยางน้อยเกินไป – การขับรถที่ลมยางอ่อนจะทำให้ยางเกิดการย้วย หรือผิดรูปเกิดการเสียดสีกับพื้นถนนได้มากกว่าปกติหากขับนาน ๆ ยางอาจระเบิดได้ รวมไปถึงให้รถกินน้ำมันมากขึ้น
เติมลมยางมากเกินไป – ยางที่แข็งมากไปจะทำให้ประสิทธิภาพการเกาะยึดเกาะถนนน้อยลง ส่งผลให้เบรกไม่อยู่ยิ่งเจอสภาพถนนที่เปียกแฉะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย นอกจากนี้ยังทำให้ดอกยางสึกได้เร็วขึ้น ส่งผลต่ออายุการใช้งานยางที่สั้นลง
ซึ่งหากใครไม่รู้ว่ายางรถยนต์แข็งหรืออ่อนมากเกินไปวิธีสังเกตง่าย ๆ ก็คือ หากรู้สึกว่าพวงมาลัยหนักแสดงว่ารถยางอ่อนให้เติมเพิ่มอีกประมาณ 2-3 PSI หากขับแล้วรู้สึกกระด้างไม่นิ่มโดยเฉพาะหากขับไปในเส้นทางที่ไม่เรียบแสดงว่ายางแข็งเกินไปให้ลดลมย่างลงประมาณ 2-3 PSI
ควร เติมลมยางรถยนต์ บ่อยแค่ไหน
การเติมลมยางรถไม่มีสิ่งชี้วัดได้ตายตัวว่าต้องเติมบ่อยแค่ไหน แต่โดยปกติ ประมาณ 1 เดือนแรงดันยางจะลดลงประมาณ 2-3 PSI ดังนั้นควรการตรวจสอบแรงดันยางเดือนละ 1-2 ครั้ง หากใช้งานรถขับบ่อย ๆ อาจต้องตรวจสอบสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
จะเห็นได้ว่าการ เติมลมยางรถยนต์ ค่อนข้างมีความละเอียดเพราะการใช้แรงดันยางที่เหมาะสมจะช่วยทำให้การขับขี่มีความปลอดภัยมากขึ้น อีกทั้งสามารถช่วยให้ยางมีอายุการใช้งานที่ยืนยาวดังนั้นหากใครที่ละเลยควรหันมาใส่ใจเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน