กระจกรถยนต์จะช่วยกันลม กันฝน และกันฝุ่นไม่ให้เข้ามาสู่ห้องโดยสาร นอกจากนี้หากกระจกรถคุณภาพไม่ดี กรณีเกิดอุบัติเหตุจนกระจกรถแตก เศษกระจกก็อาจหล่นลงมาโดนคนในห้องโดยสารให้ได้รับบาดเจ็บได้
กระจกรถยนต์ มีกี่แบบ
โดยทั่วไปแล้ว กระจกรถยนต์จะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่ กระจกรถยนต์แบบเทมเปอร์ และกระจกรถยนต์แบบลามิเนต ซึ่งจะมีรายละเอียดดังนี้
กระจกเทมเปอร์
กระจกรถยนต์แบบเทมเปอร์ โดยทั่วไปแล้วจะมีความหนาประมาณ 5 มิลลิเมตร แต่รถยนต์บางยี่ห้อ บางรุ่น ที่มีความต้องการลดเสียงรบกวน ก็จะใช้กระจกที่หนาขึ้น กระจกเทมเปอร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- Zone Tempered หากกระจกชนิดนี้แตกก็จะร้าวทั่วทั้งแผ่น ส่วนที่มีการแตกก็จะเป็นเม็ดเล็กๆ แต่ส่วนกลางของกระจกจะแตกเป็นชิ้นใหญ่กว่าให้พอมองเห็นทางข้างหน้าได้บ้าง แต่ก่อนมักใช้กระจกชนิดนี้เป็นกระจกบังลมหน้ารถยนต์
- Full Tempered มีความคล้ายกับกระจกแบบ Zone Tempered ซึ่งก็คือเวลาที่กระจกแตกจะลามทั่วทั้งแผ่น แต่กระจกจะแตกเป็นเม็ดเล็กๆเท่ากันทั่วทั้งบาน โดยจะแตกต่างจาก Zone Tempered ที่กระจกจะแตกเป็นเม็ดเล็กบ้างใหญ่บ้าง สำหรับกระจกชนิดนี้มักจะใช้เป็นกระจกหลังหรือกระจกบานประตู
กระจกลามิเนต
กระจกรถยนต์ลามิเนต มีลักษณะเป็นกระจกแบบสองชั้นประกบกัน มีแผ่นฟิล์มแทรกอยู่ระหว่างกลางกระจก มีความหนาของกระจกมากกว่ากระจกเทมเปอร์ รถยนต์รุ่นใหม่ในปัจจุบันก็จะใช้กระจกบังลมหน้าแบบลามิเนต หากกระจกลามิเนตแตกจะมีลักษณะเป็นรอยร้าวคล้ายกับใยของแมงมุม จึงไม่หลุดร่วงเพราะมีชั้นฟิล์มยึดเกาะอยู่ กระจกลามิเนตจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องมีวันเสื่อมสภาพ หากกระจกลามิเนตเสื่อมสภาพก็มักจะมีรอยฝ้าขึ้นที่ขอบของกระจก ส่งผลให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นแย่ลง ทำให้ต้องเปลี่ยนกระจกแผ่นใหม่ แต่กระจกรถยนต์แบบลามิเนตรุ่นใหม่ๆ จะไม่ค่อยพบปัญหากระจกเกิดรอยฝ้าแล้ว
การสังเกตว่ารถของเราใช้กระจกแบบใด
- การสังเกตวิธีแรกเพื่อดูว่ากระจกรถยนต์ของเรานั้นเป็นกระจกประเภทใด โดยทั่วไปแล้วที่มุมกระจกรถจะมีการพิมพ์ตัวอักษรบอกไว้ว่าเป็นกระจกเทมเปอร์ หรือกระจกลามิเนต
- สังเกตกระจกจากภายนอก หากมองที่บานกระจก กรณีที่เป็นกระจกเทมเปอร์ กระจกจะมีลักษณะสีรุ้งออกม่วงทั่วบานกระจก แต่ถ้าเป็นกระจกลามิเนตจะไม่มีลักษณะของสีดังกล่าว
แม้จะเป็นกระจกประเภทใดก็ตาม หากเกิดอุบัติเหตุจนแตกได้รับความเสียหายก็ทำให้เกิดอันตรายได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญเลยก็คือการขับรถด้วยสติ ไม่ประมาท ไม่ขับรถเร็วเกินไป ปฏิบัติตามกฏจราจร ก็จะช่วยลดอุบัติเหตุลงได้